รัฐบาลเห็นชอบให้ออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การเงิน 3 ฉบับ วงเงินรวม 1.9 ล้านล้านบาท เพื่อรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือโควิด-19
หนึ่งในร่างกฎหมายที่ได้รับอนุมัติจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ (7 เม.ย.) คือ ร่าง พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน วงเงินไม่เกิน 1 ล้านล้านบาท
พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นผู้แถลงข่าวด้วยตนเอง โดยระบุว่า งบประมาณ 1 ล้านล้านบาท จะถูกนำไปใช้จ่ายสองส่วนคือ 6 แสนล้านบาท สำหรับรักษาและเยียวยาด้านสุขภาพของประชาชน และอีก 4 แสนล้านบาท สำหรับฟื้นฟูและเยียวยาระบบเศรษฐกิจ โดยงบทั้ง 2 ส่วนนี้สามารถปรับโอนไปมาได้
ส่วน พ.ร.ก. อีก 2 ฉบับที่ ครม. อนุมัติ เป็นของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) วงเงินรวม 9 แสนล้านบาทคือ ร่าง พ.ร.ก.ให้อำนาจ ธปท.ปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำ (ซอฟต์โลน) เพื่อดูแลภาคธุรกิจโดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) วงเงิน 5 แสนล้านบาท และร่าง พ.ร.ก.ดูแลเสถียรภาพภาคการเงิน เพื่อให้ซื้อตราสารหนี้เอกชน วงเงิน 4 แสนล้านบาท ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ย้ำว่า "ไม่ใช่กู้เงิน แต่เป็นการเพิ่มอำนาจ ธปท. ในการบริหารจัดการ"
นายกรัฐมนตรีระบุด้วยว่า ครม. ยังเห็นชอบในหลักการให้ตราพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) โอนและปรับเปลี่ยนการใช้งบประมาณปี 2563 เพื่อโอนงบของหน่วยงานต่าง ๆ ที่มีอยู่ราว 8 หมื่นล้านบาท ถึง 1 แสนล้านบาท มาเป็น "งบกลาง" ใช้จ่ายในกรณีฉุกเฉินและจำเป็นเร่งด่วน ทั้งนี้ต้องยอมรับว่างบของปี 2563 ถูกใช้จ่ายไปพลางก่อนตามสมควร ทำให้ปัจจุบันเหลืองบกลางอยู่ 3 พันล้านบาท จากที่ตั้งไว้ทั้งหมด 9.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งนายกฯ ระบุว่าต้องนำร่าง พ.ร.บ.นี้เสนอต่อที่ประชุม ครม. และรัฐสภา คาดมีผลบังคับใช้ช่วงต้นเดือน มิ.ย.
ผู้นำสูงสุดของรัฐบาลบอกด้วยว่า ครม. ได้ประกาศให้การแก้ไขปัญหาโควิด-19 เป็น "วาระแห่งชาติ" ยินดีรับข้อเสนอจากทุกภาคส่วน แต่ขอให้เห็นใจรัฐบาลด้วย พร้อมยืนยันจะกวดขันการใช้จ่ายงบประมาณให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
"รัฐบาลยืนยันเจตนารมณ์อันแน่วแน่ในการรักษาสุขภาพให้คนไทย สิ่งใดที่ภาครัฐยังมีปัญหา ต้องขอให้เห็นใจ เข้าใจรัฐบาลด้วย เพราะเราทำงานด้วยคนจำนวนมาก" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
2.45แสนล้านบาท งบที่รัฐใช้ทั้งหมด
3หมื่นบาท เงินเยียวยาที่ได้รับต่อหัว
24ล้านคน ยอดผู้ลงทะเบียนทั้งหมด
9ล้านคน ยอดเป้าหมายที่รัฐจะแจกเงินให้
1.6ล้านคน ผู้ผ่านเกณฑ์และได้รับเงินล็อตแรก
1ล้านคน เป็นพ่อค้า/คนรับจ้างที่ผ่านการกลั่นกรอง
ยืดจ่ายเงินเยียวยา 5 พันบาท เป็น 6 เดือน
การตรา พ.ร.ก.กู้เงิน ของรัฐบาลมีเป้าหมายสำคัญเพื่อหางบประมาณมาจ่ายเป็นเงินเยียวยาให้แก่ผู้ได้รับผลกระทบที่ลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ "เราไม่ทิ้งกัน" เพื่อขอรับเงินเยียวยา 5,000 บาท เป็นเวลา 3 เดือน แต่ล่าสุดนายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง เปิดเผยว่า ได้ขยายเวลาในการจ่ายเงินเยียวยาออกไปเป็น 6 เดือน หรือจ่ายให้ถึงเดือน ก.ย. นั่นเท่ากับว่าคนกลุ่มนี้จะได้รับเงินช่วยเหลือทั้งหมด 30,000 บาท จากเดิม 15,000 บาท
ในวันที่ 8-10 เม.ย. กระทรวงการคลังจะทยอยโอนเงินเยียวยาให้ผู้ผ่านเกณฑ์กลุ่มแรกราว 1.6 ล้านคน ซึ่งส่วนใหญ่ประกอบอาชีพค้าขาย, ขับแท็กซี่, ขี่รถจักรยานยนต์รับจ้าง, มัคคุเทศก์ และขายสลากกินแบ่งรัฐบาล
กระทรวงการคลังกำหนดให้ "แรงงานอิสระ" เป็นกลุ่มเป้าหมายแรกที่ได้รับเงินเยียวยาตามโครงการนี้จำนวน 9 ล้านคน แต่ถึงขณะนี้ปรากฏว่ามีผู้ลงทะเบียนขอรับสิทธิกว่า 24.3 ล้านคน ซึ่งนายอุตตมคาดว่าจะใช้เงินส่วนนี้ 2 แสนล้านบาท ไม่รวมกับงบประมาณ 4.5 หมื่นล้านบาทที่กันไว้ก่อนหน้านี้
"การแจกเงิน 5 พันบาท เพิ่มเป็น 6 เดือน เพราะเห็นว่าโควิดกระทบประชาชนและผู้ประกอบการอาชีพอิสระมากขึ้น และไม่รู้ว่าการระบาดจะจบลงเมื่อไร จึงต้องช่วยคนกลุ่มนี้" รมว.คลังระบุ
นายอุตตมระบุว่า หากมีการกู้เงินเต็มเพดาน 1 ล้านล้านบาท จะส่งผลให้ยอดหนี้สาธารณะต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) จากเดือน ก.พ.อยู่ที่ 7.02 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 41.1% ของหนี้สาธารณะ ขยับขึ้นไปเป็น 57% ต่อจีดีพี โดยที่กรอบวินัยการเงินคลังตั้งไว้ว่าตัวเลขหนี้สาธารณะต้องไม่เกิน 60% ของจีดีพี