สวัสดีค่ะ ถ้านับตั้งแต่วันนี้ ก็เหลือเวลาอีกไม่กี่วันเท่านั้น ชูนิ้วขึ้นมา นับดูเหลืออีก 1 2 3 4 ... 4 วันเท่านั้น!! ในการเตรียมตัวสอบ GAT PAT 1/59 ซึ่งปีนี้มีคนสมัครเยอะมากที่สุด บอกเลยว่าแนวโน้มคะแนน GAT PAT แอบเดายากพอตัวเลยค่ะ
แต่ก่อนจะเดาแนวโน้มคะแนน ต้องมาเดาข้อสอบกันก่อนเนาะ เวลาก็เหลือน้อยเต็มที จะอ่านทั้งหมดยังไงก็ไม่ทัน โดยเฉพาะเด็กสายศิลป์ที่ต้องสอบ PAT 1 พี่แป้งมีเทคนิคในการเดาข้อสอบมาฝากค่ะ ไปดูกันเลย

เทคนิคที่ 1 เดาช้อยส์อย่างมีหลักการ
เทคนิคพื้นฐานในการเดาข้อสอบ ไม่ใช่แค่เดาสุ่มๆ หรือการเทกระจาดเลือกช้อยส์ข้อใดข้อนึงแล้วทิ้งดิ่งลงมา แต่เราต้องเดาอย่างมีหลักการค่ะ เพื่อเปอร์เซ็นต์ในการได้คะแนนที่เพิ่มขึ้นด้วย โดยวิธีนี้ใช้ได้กับข้อสอบทั้งฉบับค่ะ
เริ่มแรก ทำข้อที่ทำได้ก่อน ถึงแม้ว่าเวลาในการทำข้อนั้นมันจะยาวนานมากก็ตาม ขอให้ทำแล้วเอาคะแนนมาให้ได้ ต่อมาเราก็เริ่มทำข้อที่ไม่ม่นใจ ใช้หลักการตัดช้อยส์ที่ไม่เกี่ยวข้องทิ้ง เช่นโจทย์ถามเรื่องดาราศาสตร์ แต่ช้อยส์มีเรื่องแร่ธาตุโผล่มาด้วย ตัดทิ้งค่ะ เลือกคำตอบที่ใกล้เคียงกับโจทย์มากที่สุด และสุดท้ายก็นั่งนับข้อว่าเราตอบช้อยส์ข้อไหนไปเท่าไหร่แล้ว ข้อไหนที่เราตอบน้อยสุดก็เลือกข้อนั้นดิ่งลงมาเลยค่ะ เป็นวิธีการเดาที่เบสิคที่สุด แต่ใช้ได้ผลมากที่สุดเลยนะ
เทคนิคที่ 2 ตัดช้อยส์ซ้ำซ้อนทิ้งไป
ช้อยส์ซ้ำซ้อน จะมีหลายแบบค่ะ แบบที่เป็นคำตอบเดียวกันแต่สลับคำ กับแบบที่เป็นคำตอบตรงข้ามกัน ซึ่งไม่ว่าจะเป็นแบบไหน ถ้าเจอแบบนี้ สามารถตัดทิ้งได้เลยค่ะ แต่การตัดช้อยส์แบบนี้ทิ้งก็ต้องมีหลักการกันสักหน่อย มาดูแต่ละกรณีเลย
กรณีที่ 1 ช้อยส์ที่คำตอบคล้ายกันแต่สลับคำ แบบนี้ไม่ค่อยจะเจอนะคะ แต่ก็ประมาทไม่ได้ เป็นตัวเลือกที่เมื่อแปลออกมาแล้วมันเหมือนกันนี่หว่า แน่นอนว่าตัดทิ้งทั้งคู่เลยจ้าาา
กรณีที่ 2 ช้อยส์ที่เป็นคำตอบตรงข้ามกัน เช่น ข้อ 1 สารตั้งต้น A มีความหนาแน่นมากกว่าสารตั้งต้น B ข้อ 2 สารตั้งต้น B มีความหนาแน่นมากกว่าสารตั้งต้น A แบบนี้ตรงข้ามกัน โอกาสออกใน 2 ข้อนี้สูงมากค่ะ ช้อยส์อื่นตัดทิ้งได้เลย ยกเว้นแต่ว่าจะเจอกรณีเท่ากันเป็น ข้อ 3 สารตั้งต้น A และสารตั้งต้น B มีความหนาแน่นเท่ากัน แบบนี้ต้องดูที่ตัวโจทย์แล้วค่ะ
เทคนิคที่ 3 ตอบเท่าที่โจทย์ถาม
ปัญหาโลกแตกของการสอบ GAT PAT มากเลยนะ กับการที่โดนช้อยส์หลอก หลอกแล้วหลอกอีก หลอกซ้ำหลอกซาก หลอกอยู่นั่นแหละ เพียงเพราะเราไม่แน่ใจว่าจริงๆ แล้วโจทย์ถามอะไรกันแน่ ซึ่งแน่นอนว่าส่วนใหญ่จะตอบช้อยส์ที่รู้สึกว่าคำตอบคลอบคลุมทั้งหมด ซึ่งบางทีมันก็ผิดไงแก คะแนนก็ลอยหายไป
ไม่ว่าจะเป็นวิชาไหน ได้โปรดตอบเท่าที่โจทย์ถามเถอะค่ะ อย่างเช่น โจทย์บอกว่า จากจุด A ไปจุด B ระยะทาง 3 เมตร จากจุด B ไปจุด C อีก 4 เมตร ถามว่า ระยะทางจากจุด A ไปจุด B กี่เมตร ตอบไปว่า 3 เมตรพอค่ะ ไม่ต้องไปหาว่าจากจุด A ไปจุด C กี่เมตร เพราะนั่นน่ะเค้าหลอกแล้ว แค่นี้เราก็โกยคะแนนมาเป็นของตัวเองได้แล้ว

เทคนิคที่ 4 "ไม่มีข้อถูก" มักเป็นช้อยส์หลอก ถามรุ่นพี่กี่คน ก็ตอบว่าช้อยส์ "ไม่มีข้อถูก" นี่เกิดมาเพื่อตัดคะแนนชัดๆ ถ้าถึงจุดที่เราจะต้องเดาข้อนั้น ให้ตัดช้อยส์นี้ทิ้งไปได้เลย เหตุผลง่ายๆ ก็คือ ตั้งแต่เด็กยันโตข้อสอบที่เราเจอที่มีช้อยไม่มีข้อถูก มักจะเป็นคำตอบที่ถูกเสมอ ซึ่งหลักการนี้ใช้ไม่ได้กับข้อสอบ GAT PAT ค่ะ แต่ถ้ามองอีกมุมก็เท่ากับว่าเราตัดช้อยส์ไปได้ข้อนึงเลยนะ ทีนี้ก็มาลุ้นกับช้อยส์ข้อที่เหลือว่าคำตอบไหนใกล้เคียงมากที่สุด ถ้าเจอซ้ำซ้อนก็ตัดทิ้ง เจอแบบถามเกินโจทย์ก็ตัดทิ้ง ทีนี้ก็เหลือให้เราเลือกไม่กี่ข้อหรอก เลือกให้ถูกล่ะกันนะ แถม!! เทคนิคการทำ PAT 1 เกินร้อย ฉบับพี่ไอซ์ เพชรภัสสร รุ่นพี่คณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ
- เวลาทำข้อสอบ 3 ชั่วโมง อย่าหลับ!! เพราะมันจะมีข้อที่เราทำได้อยู่ ถ้าข้อไหนคุ้น
ก็ถูๆไถๆ ไปเลย
- บางข้อก็แจกคะแนน คุ้มกับการนั่งไล่เลข ให้นั่งไล่ไปเลย ได้คะแนนแน่ๆ
- ถ้าจะมั่วข้อสอบ แนะนำมั่วที่ช้อยส์ข้อ 2 หรือ 4
- อัตนัยแนะนำเดาเป็นเลขหลักเดียว พวก 0,1,2,5,7 แต่ต้องอ่านโจทย์ก่อนนะ
ดูตัวเลขที่ใกล้เคียงที่สุด
ก็อย่างที่บอกตอนนี้เวลาเหลือน้อย ไม่ได้ด้วยเล่ห์ ก็ต้องได้ด้วยกล ไม่ก็ต้องพึ่งมนต์คาถากันหน่อยล่ะ ก่อนสอบก็อย่าลืมไหว้พระขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์กันก่อนนะคะ ก่อนจะไปพี่แป้งมีพาร์ทโกยคะแนน GAT PAT มาฝากด้วย อ่านได้เลยที่ www.dek-d.com/admission/35673/ จัดเต็มทุกวิชา รับรองว่าสอบรอบนี้ทำได้แน่นอน!!